Winter at Doi Samer Dao, Nan, Phrae Day2
ศุกร์ 28 พ.ย. 2008
จุดหมายแรกของวันนี้คือวัดพระธาตุแช่แห้งซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีของผู้ที่เกิดปีเถาะ ที่พักเราอยู่ใกล้อยู่แล้ว เดินทางออกจากโรงแรมประมาณ 8.00น.
องค์พระธาตุเหลืองอร่าม
หน้าบันเหนือประตูทางเข้าโบสถ์ด้านหน้า เป็นลายนาค8ตัวพันกันมองเป็นรูปคล้ายองค์พระธาตุ
พระประธานในโบสถ์
ชื่นชมความงามอยู่เกือบชั่วโมง แล้วก็นั่งรถกลับเข้ามาหาของกินในเมือง มื้อนี้เราเล็งไว้ที่ร้านเฮือนฮอม ที่เห็นตั้งแต่ขับรถเข้ามาเมื่อวานตอนเย็น
สั่งข้าวซอยกับขนมจีนน้ำเงี๊ยวมากิน ปรากฏว่า ข้าวซอยอร่อยกลมกล่อมดี แต่ขนมจีนน้ำเงี๊ยวจืดมากไม่อร่อยเลย อย่างอื่นไม่ได้สั่งเลยไม่รู้ว่าเป็นไง ขอแนะนำว่าให้สั่งข้าวซอยแล้วจะไม่ผิดหวังครับ
อิ่มแล้วก็เดินมาที่วัดมิ่งเมือง ไหว้เสาหลักเมืองและชมความงามของลวดลายปูนปั้นที่ประดับอยู่บนโบสถ์และศาลหลักเมือง
ดูแล้วก็นึกถึงวัดร่องขุ่นที่เชียงราย แต่ที่นี่จะดูเรียบ ๆ กว่า
แล้วก็เอารถไปจอดที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ จ.น่าน เข้าไปชมงาช้างดำและสิ่งของโบราณ เรื่องราวของชนเผ่าต่างๆ ในน่าน
ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์
จากพิพิธภัณฑ์ มองเห็นวัดพระธาตุช้างค้ำ
เดินไปชมวัดหัวข่วงกันก่อน
ด้านหลังเป็นหอไตรและเจดีย์
วัดพระธาตุช้างค้ำ ด้านหน้าโบสถ์
หอพระไตรปิฏก
พระประธานในโบสถ์
เจดีย์ช้างค้ำ รอบ ๆ ฐานเจดีย์มีรูปปั้นช้างครึ่งตัวล้อมรอบ
วัดภูมินทร์ ตอนแดดจัด วัดภูมินทร์เป็นวัดที่มีเอกลักษณ์ที่โบสถ์แแและวิหาร สร้างเป็นอาคารหลังเดียวกัน เป็นทรงจตุรมุข (กรมศิลปากร ได้สันนิษฐานว่าเป็นอุโบสถจตุรมุขหลังแรกของประเทศไทย)
เข้าไปข้างในชมพระประธานจตุรทิศ ซึ่งเป็นUnseen Thailand
ไม่ว่าจะเข้าทางประตูไหนทั้งสี่ทิศก็จะพบกับด้านหน้าของพระประธานจตุรทิศเสมอ
ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังให้ชมทุกด้านของผนังเป็นศิลปกรรมไทลื้อ ที่เล่าเรื่องชาดก ตำนานพื้นบ้าน และความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต ภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือภาพปู่ม่าน ย่าม่าน
วัดภูมินทร์ด้านหลัง สวยงามพอๆกับด้านหน้า
เดินไปวัดพญาภูซึ่งอยู่ในละแวกนั้น ตอนแรกที่ไปถึง โบสถ์ปิดอยู่ แต่หลวงพ่อที่วัดท่านกรุณามาก ได้เปิดโบสถ์ให้พวกเราเข้าชมและไหว้พระภายใน
ท่านเล่าว่าที่ไม่ได้เปิดให้เข้าชมภายในโบสถ์ตลอดเวลาเพราะไม่มีคนเฝ้า และพระพุทธรูปางลีลาที่อยู่ภายในโบสถ์ที่สวยงามและอ่อนช้อยที่สุดในจังหวัดได้หายไปแล้ว 3องค์ จากเดิมมีอยู่ 5 ตอนนี้เหลืออยู่แค่2 เวลาไม่มีคนเฝ้าจึงต้องปิดเอาไว้ แต่เวลามีนักท่องเที่ยวหลวงพ่อก็จะเปิดให้เข้าชม
ประตูหน้าโบสถ์ที่แกะสลักเป็นรูปยักษ์ หลวงพ่อบอกว่าอายุสองร้อยกว่าปี
แล้วเดินกลับมากินก๋วยเตี๋ยวซี่โครงหมูและชาดำเย็นที่ร้านบ้านคุณหลวงข้างวัดภูมินทร์
แล้วเราก็มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ที่อ.นาน้อย ผ่านตัวอำเภอที่สามารถแวะซื้อของกินของใช้ขึ้นไปบนดอย แต่เราไม่ได้แวะ เพราะได้ซื้อขนมปังและบะหมี่ถ้วยจากร้านเซเว่นในเมืองแล้ว จุดแรกที่แวะคือ คอกเสือ ดูใหญ่โต อลังการมาก
จากนั้นก็ที่ เสาดินนาน้อย ซื้อมะขามหวาน ผลิตภัณฑ์ชาวบ้านที่ที่ทำการอุทยานจากเจ้าหน้าที่อุทยานและได้เล่นหญ้านาฬิกาแห้งที่เวลาเอาไปจุ่มน้ำแล้วมันจะหมุนตามเข็มนาฬิกาและค่อย ๆ สะสมแรงบิดไว้เพื่อหมุนทวนเข็มในตอนสุดท้ายก่อนที่จะหยุดหมุน
แล้วก็เดินชมเสาดินนาน้อยกัน พื้นที่กว้างมาก เลยเดินแค่บริเวณใกล้ ๆ
ถ้ำมนุษย์หินโบราณ
แล้วก็รีบขึ้นไปดอยเสมอดาวเพื่อกางเต๊นท์พักนอนที่นี่ เรากางเองหนึ่งเต๊นท์และเช่าจากอุทยานอีกหนึ่งเต๊นท์
น้องหมาของเจ้าหน้าที่ เป็นหมาไฮเปอร์มากวิ่งไม่หยุดเลย
พักกันสบาย ๆ ไม่พลุกพล่าน มีคนกางเต๊นท์กันไม่เกินสิบเต๊นท์ ห้องน้ำก็แบ่งกันใช้สบาย ๆ แทบไม่มีคนเลย
พระอาทิตย์ตกดินที่ดอยเสมอดาว กินขนมปังและขนมที่เตรียมมาเพราะที่นี่ไม่มีกาน้ำร้อนไว้บริการ ตอนกลางคืนนอนดูดาวเต็มฟ้าไปหมด สวยมากและได้เห็นดาวตกอยู่หลายดวง
วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2551
หนาวนี้ที่ ดอยเสมอดาว เที่ยวน่าน แพร่ กันเถอะ วันที่สอง Winter at Doi Samer Dao, Nan, Phrae Day2
ป้ายกำกับ: ดอยเสมอดาว, น่าน, วัดภูมินทร์, วัดมิ่งเมือง, Doi Samer Dao, Nan, Phrae
เขียนโดย GM TOUR ที่ 00:48 0 ความคิดเห็น
วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2551
หนาวนี้ที่ ดอยเสมอดาว เที่ยวน่าน แพร่ กันเถอะ Winter at Doi Samer Dao, Nan, Phrae
Winter at Doi Samer Dao, Nan, Phrae
เที่ยวรับลมหนาวแรกที่น่าน แพร่ ดอยเสมอดาว แบบสบาย ๆ ทริปส่วนตัวไม่ต้องเบียดคน
จุดเริ่มต้นมาจากมีวันหยุดที่ต้องใช้ให้หมดภายในเดือนพฤศจิกายน ก็ต้องคิดทริปกะทันหันขึ้นมาเพราะไม่อยากหยุดมาอยู่กับบ้านเฉย ๆ เลยหาข้อมูลคร่าว ๆ ในเว็บว่ามีใครไปไหนกันบ้าง แล้วก็คิดว่าอยากไปไหนดี ก็ได้ความคิดว่าอากาศเริ่มเย็น ๆ แบบนี้ต้องขึ้นเหนือถึงจะเหมาะ ภาคเหนือตอนบนที่เคยไปส่วนมากก็จะเป็นเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีอีกตั้งหลายจังหวัดที่ยังไม่เคยไป แล้วก็เลยรู้สึกว่า ครั้งนี้น่าจะไปแพร่กับน่าน พอมาหาข้อมูลแล้วเลยคิดว่าจะหาที่พักที่น่านแล้วแวะเที่ยวแพร่ตอนขาไปขากลับน่าจะดี
พอดูระยะทางแล้ว กรุงเทพ-น่าน 668กิโลเมตร ถ้าค้างแค่ 2คืนก็คงจะได้เที่ยวน้อยมาก เลยตัดสินใจลางานเพิ่มเป็น 2วันจะได้มีเวลาเที่ยว 4วัน3คืน ให้คุ้มกับที่เหนื่อยขับรถขึ้นไปไกลขนาดนี้ พอตัดสินใจได้แล้วก็บอกสมาชิกทริปให้เตรียมลางานไป 2วัน พฤหัสกับศุกร์ 26-27พ.ย. ทริปนี้มีสมาชิกไปกัน 4คน ขับรถได้2คนสลับกันขับคนละวัน ระหว่างหาข้อมูลอยู่ก็ได้ข่าวว่าหนังสือTrips เล่มเดือนพฤศจิกายนเป็นเล่มแนะนำเที่ยวจังหวัดน่านพอดี เลยไปซื้อมาเป็นคู่มือนำเที่ยว ได้ประโยชน์ดีทีเดียว วันจันทร์ถึงวันพุธก็งานยุ่งมากเพราะต้องเคลียร์งานไม่ให้มีอะไรคั่งค้างระหว่างที่ลาหยุดวันพฤหัส-ศุกร์จนไม่มีเวลาเตรียมข้อมูลอะไรเพิ่มเลย
พฤหัส 27 พ.ย. 2008
พอเช้าวันพฤหัสเราก็เริ่มออกเดินทางออกจากกรุงเทพฯกันเลย ออกจากบ้าน6.30น.ไปแวะรับสมาชิกและเต๊นท์+ถุงนอน แล้วขึ้นทางด่วนที่สีลมแล้วต่อด้วยโทลเวย์ ออกจากกรุงเทพได้ตอนประมาณ 8.00น.
แวะทานข้าวเช้าที่ร้านข้าวแกงบ้านสวนแถว ๆ เส้นไปสระบุรีคนมากินกันเยอะมากจนเตรียมเปิดสาขา2บนเส้นที่ไปสระบุรีเลยขึ้นมาจากร้านเดิมอีก กินเสร็จก็คลำทางกลับมาเส้นอยุธยาคืน ดิ่งไปจุดที่ตั้งใจแวะจุดแรกเลยคือพิษณุโลก เพื่อไปไหว้พระพุทธชินราชที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เนื่องจากไม่แน่ใจว่าแวะจากเส้นนอกเมืองที่วิ่งอยู่ได้หรือเปล่า เราจึงเปลี่ยนเป็นไปวิ่งเข้าเมืองพิษณุโลก ซึ่งรถเยอะ มีหลายไฟแดงทำให้เสียเวลาพอสมควร และทางเข้าที่จอดรถของวัดก็รถติดมาก เพราะรถต้องวิ่งผ่านร้านค้ามากมายกว่าจะเข้าไปถึงที่จอดรถ ทำให้เดิมที่คิดว่าจะแวะไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็กลายเป็นชั่วโมงเศษ ๆ
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ตั้งอยู่ที่ถนนพุทธบูชา ตำบลในเมือง ริมแม่น้ำน่านฝั่งตะวันออก เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน เวลา 6.30-18.00น. คนมาไหว้พระพุทธชินราชเยอะมาก ๆ ภายในโบสถ์ห้ามยืนถ่ายรูปพระพุทธชินราช แต่สามารถนั่งถ่ายรูปได้
พระพุทธชินสีห์ที่อยู่วิหารด้านข้าง
ออกจากวัดมาแล้วเราก็รีบทำเวลาขับมาถึงเด่นชัย จ.แพร่ เวลาประมาณบ่ายสามโมง แวะทานข้าวกลางวันที่ร้านสวนไซทอง ที่หลายคนแนะนำว่าอร่อย และก็ไม่ผิดหวังจริง ๆครับ อร่อยทุกอย่างราคาไม่แพง โดยเฉพาะไส้อั่ว แคบหมู น้ำพริกหนุ่มครับ ชอบมาก
ร้านนี้ต้องบริการตัวเอง สั่งแล้วจ่ายเงินแล้วยกอาหารไปที่โต๊ะเอง แต่ตอนเราไปคนไม่เยอะเรากินเสร็จแล้วค่อยเดินมาจ่ายเงิน
เจ้าของร้านอัธยาศัยดี เราชวนคุยแล้วก็ถามทางไปวัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี เขาก็บอกว่าวัดนี้สวย น่าไปมาก
สรุปว่าต้องขับย้อนกลับไปทางสามแยกเด่นชัยที่เราเลี้ยวขวามาที่ร้าน แต่ถ้าไปวัดต้องเลี้ยวซ้าย ขับไปสักพักก็ถึง วัดอยู่ริมถนนเลย ตั้งอยู่บนถนนหมายเลข 101 เด่นชัย-ลำปาง ห่างจากสี่แยกเด่นชัยประมาณ 5 กม.
อลังการมาก ๆ ที่จอดรถด้านล่างก็ใหญ่มาก เราตัดสินใจจอดข้างล่างแล้วเดินขึ้นบันไดไป
หลวงพ่อมนตรีที่เป็นผู้สร้างวัดนี้และปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสเป็นผู้ออกแบบและลงมือสร้างเอง โดยท่านได้นำเอาจุดเด่นของศิลปะล้านนาหลาย ๆ ที่ทั้งในไทย จีน พม่า ลาว มาประยุกต์สร้างเป็นวัดนี้ขึ้น
พิพิธภัณฑ์ภายในวัด
แล้วแวะที่แพะเมืองผี
จากนั้นยิงยาวตรงไปเมืองน่านเลยครับ ถึงในเมืองประมาณ 2ทุ่ม เข้าไปถามหาห้องว่างที่โรงแรมเทวราชกับโรงแรมน่านฟ้าเพราะอยากได้ที่พักในเมืองจะได้สะดวก แต่ปรากฏว่าห้องพักเต็มหมดเพราะเป็นช่วงที่มีจัดงานโอทอป มีงานออกร้านแถววัดพระธาตุช้างค้ำและบริเวณรอบ ๆ มีคนจากจังหวัดอื่นมาออกร้านด้วย ห้องพักเลยขายดี และยังมีงานแข่งกีฬาวิทยาลัยเทคนิค(อันนี้ไม่แน่ใจว่าจำถูกหรือเปล่า)อีกด้วย ทำให้ห้องพักในเมืองเต็มหมดทุกโรงแรม แต่น้องที่โรงแรมน่านฟ้าน่ารักมาก บอกว่าที่โรงแรมเวียงฟ้าที่อยู่นอกเมืองน่าจะยังมีห้องว่าง และให้เบอร์โทรเรามา เราก็เลยขอแผนที่และเบอร์โทรโรงแรมมาจากน้อง และโทรไปได้ห้องพักที่โรงแรมเวียงฟ้า ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่มาก ไปทางเส้นที่จะไปวัดพระธาตุแช่แห้ง
เก็บของที่ห้องพักเสร็จก็ไปหาอาหารเย็นทานกัน เราอยากได้บรรยากาศริมน้ำน่านเลยขับไปเส้นเลียบแม่น้ำ ฝั่งที่ไปมีให้เลือกอยู่สองร้าน ตัดสินใจเลือกร้านนี้เพราะชื่อดูขลังดี ร้านเฮือนเจ้านาง ตอนแรกคิดว่าอาหารจะเป็นแนวพื้นเมือง แต่ไม่ใช่ เป็นแนวอาหารไทยอาหารฝรั่ง อาหารอร่อยใช้ได้ บรรยากาศก็ชิล ๆ ดี คนน้อยด้วย คงเป็นเพราะเราไปจังหวะที่นักท่องเที่ยวยังไม่ไปกัน
ทานเสร็จก็กลับที่พักนอนเอาแรงไว้สำหรับเที่ยวต่อพรุ่งนี้ คืนนี้อากาศก็เริ่มเย็นแล้ว
ป้ายกำกับ: ดอยเสมอดาว, น่าน, แพร่, แพะเมืองผี, วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี, Doi Samer Dao, Nan, Phrae
เขียนโดย GM TOUR ที่ 04:31 0 ความคิดเห็น