St.Petersburg - The Hermitage

Russia Trip เที่ยวรัสเซีย ไปได้ง่าย ๆ ตอนที่4 St.Petersburg - The Hermitage





State Hermitage Museum

Russia Trip เที่ยวรัสเซีย ไปได้ง่าย ๆ ตอนที่4 St.Petersburg - The Hermitage

Russia Trip เที่ยวรัสเซีย ไปได้ง่าย ๆ ตอนที่4 St.Petersburg - The Hermitage





ในที่สุดก็ได้เที่ยวเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก St.Petersburg (Санкт-Петербург)






ตื่นเช้ามาบนรถไฟ เข้าห้องน้ำไม่ทันเลยครับ คิวยาวมาก ก็เลยจัดการกับข้าวกล่องลูกเดือยก่อน วิวสองข้างทางมืด มองไม่เห็นอะไรเท่าไหร่ สักพักก็ถึงปลายทางจอดที่สถานี Moskovskiy Vokzal ตอนตีห้าครึ่งแล้วก็ลากกระเป๋าลงจากรถไฟแล้วเดินหาสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุด คือสถานี Mayakovskaya ดูจากแผนที่เหมือนอยู่ใกล้ๆ แต่ที่จริงเดินไปไกลพอสมควรเพราะต้องลากกระเป๋าไปด้วย คนรัสเซียไม่มีใครเดินไปทางเดียวกับเราเลย ส่วนใหญ่เขาจะรอขึ้นรถบัสกัน เราก็ไม่รู้สายรถ จึงต้องเลือกไปทางเมโทร ตอนงงๆ ไม่แน่ใจทิศทางก็เลยถามคนรัสเซีย มีคนใจดี บอกว่าจะเดินไปทางนั้นพอดีก็เลยช่วยเดินนำทางไปให้ ระหว่างเดินไปก็จะเห็นรถฉีดน้ำทำความสะอาดถนน ถนนเปียกไม่ใช่ฝนตก แต่เป็นเพราะเขาฉีดน้ำล้างถนน+ทางเท้า

เดินไปพักใหญ่ ๆ ข้ามถนนไปสองสามครั้งก็มาถึงตึกสถานี แปลกที่สถานีนี้ไม่มีป้ายตัวM บอกว่าเป็นสถานีเมโทรแบบชัด ๆ เหมือนสถานีที่มอสโก ก็เลยถามคนที่ช่วยนำทางให้ เขาบอกว่า บางสถานีจะเป็นแบบนี้ ไม่มีป้ายตัวMด้านนอก แต่จะมีตัวMที่ทำเป็นรูปเหมือนดอกไม้เป็นสัญลักษณ์ของเมโทรของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กอยู่บนตัวตึก แล้วก็บอกทริกมาอีกว่าวิธีดูจากระยะไกลว่าตึกไหนเป็นทางเข้าเมโทรก็คือ สีตัวตึกจะเป็นสีฟ้า และมักจะมีป้ายโฆษณาเป๊ปซี่อยู่ข้างบน ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า เพราะไม่ค่อยได้ใช้เมโทรก็เลยไม่รู้ ตอนเข้าเมโทรก็ซื้อเหรียญเข้าเป็นแบบเที่ยวเดียว คนละ 20รูเบิ้ล โชคดีที่เรามาถึงตอนเช้ามืด ยังไม่มีคน เลยลากกระเป๋าได้แบบสบาย ๆ แต่มีปัญหาตรงทางเข้า ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่อีกคนเฝ้าอยู่ แม่กับน้าเดินผ่านไปได้สองคน

เหลือเรากับน้องแกชี้มาที่กระเป๋าของพวกเราแล้วพูดประมาณต้องเปลี่ยนตั๋วแล้วต้องเข้าทางเข้าอีกช่องเพราะกระเป๋าใหญ่เกินทางเข้า เราก็เอาเหรียญไปเปลี่ยนที่ช่องขายตั๋ว เจ้าหน้าที่ขายตั๋วก็ไม่เห็นว่าอะไร ก็เปลี่ยนเป็นเหรียญพลาสติกมาให้สองอัน พอเดินกลับไปจะเข้าช่อง คนเฝ้าก็บ๊งเบ๊งอีก กว่าจะรู้เรื่องว่าแกว่าต้องจ่ายเงินเพิ่มเป็นค่าผ่านทางกระเป๋า เราก็เริ่มคิดว่ามันยังไงๆอยู่ ที่มอสโกก็ไม่เห็นมีแบบนี้ เพราะกระเป๋าน้องก็ใบไม่ใหญ่มาก เลยให้ลากผ่านทางปกติไป ไม่ต้องเสียเงิน ส่วนกระเป๋าเราเองใบใหญ่ ยังไงก็ต้องผ่านทางเสียเงินเพิ่ม เลยต้องไปจ่ายเงินที่พนักงานขายตั๋วอีกรอบ เสียเพิ่มอีก 20รูเบิ้ล แล้วก็ได้ลากกระเป๋าผ่านประตูพิเศษแบบสบาย ๆ แต่อารมณ์เสียเล็กน้อย เพราะความไม่เข้าใจ ตอนหลังเราสอบถามจากทาง Hostel ว่ามีแบบนี้ด้วยเหรอ เก็บค่ากระเป๋าใบใหญ่ เขาก็บอกว่ามีจริง ๆ เราก็บ่นกับเขาว่าที่มอสโกไม่เห็นต้องเสียเงินเลย

แล้วเราก็นั่งรถไฟสายสีเขียวไปต่อสายสีน้ำเงินที่สถานี Gostiny Dvor/Nevsky Prospect ไปลงที่สถานี Sennaya Ploschad โผล่ออกมาจากสถานีแล้วก็เดินไปที่พัก ไกลมากๆ จนชักไม่แน่ใจว่ามาถูกทางรึเปล่า แต่ก็กัดฟันลากกระเป๋าเดินต่อไปตามแผนที่ในที่สุดก็ถึงสี่แยกที่คิดว่าใช่ แล้วก็เห็นป้ายสีเหลืองสัญลักษณ์ที่ทางHostel บอกไว้ เปิดประตูเข้าตึกแล้วก็ลากกระเป๋าขึ้นชั้น 2 ต่อ คนที่Hostel ไม่รู้เรื่องการย้ายโรงแรมของเรา และต้องรอผู้จัดการที่รู้เรื่องมาตัดสินใจ เรารอจนถึงสิบโมงเช้า จึงมีผู้จัดการเข้ามาแต่ก็ยังไม่ใช่คนที่พูดอังกฤษได้รู้เรื่องนัก สุดท้ายเราก็ได้ห้องที่ชั้น3 เป็นห้องสำหรับ 6คน กว้าง สบายกว่าที่มอสโกมาก และได้ออกมาเที่ยวตอนประมาณ 11โมง


เป้าหมายของวันแรกที่นี่คือ State Hermitage Museum






จาก Sabrina Hostel เพราะยังไม่รู้จักทางไปรถบัสดังนั้นเราจึงใช้วิธีเดินเที่ยว เราเดินขึ้นไปทาง St. Isaac Cathedral เดินข้ามสะพานข้ามคลองไปแล้วก็จะเห็นอนุสาวรีย์ขี่ม้าของซาร์นิโคลัสที่ 1 Emperor Nicholas I






อยู่ใกล้ ๆ ถัดไปก็คือ St. Isaac Cathedral






วันนี้เราชมอยู่แต่ด้านนอกก่อนเพราะต้องรีบทำเวลาไปเฮอร์มิเทจ และโบสถ์ก็ปิดวันพุธด้วย






จุดเด่นของโบสถ์นี้ก็คือเสาหินสีแดงที่ค้ำอยู่รอบโบสถ์






แล้วเดินต่อไปอีก






จะเห็นตึกบัญชาการกองทัพเรือ Admiralty














รถรางที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก






ตึก State Hermitage Museum ข้ามถนนไปก็ถึงแล้ว ข้าง ๆ มีรถเข็นขายขนมปังกับน้ำ กินเป็นมื้อกลางวันได้






เสาหินอเล็กซานเดอร์ Alexander Column






ทางเดินเข้าด้านใน






รูปปั้นประดับบนตึก






ที่ขายตั๋ว
ค่าเข้าชม 350รูเบิ้ล บัตรนักศึกษา เข้าฟรี ค่าถ่ายรูป 200รูเบิ้ล






บันไดทางขึ้น






รูปปั้นที่สวยงาม










ห้องโถงข้างใน เนื่องจากภายในพิพิธภัณฑ์นี้ใหญ่โต และมีของให้ดูมากมาย แต่เรามีเวลาแค่ครึ่งวันเท่านั้นจึงเน้นเดินชมไฮไลท์ตามโบรชัวเป็นหลัก ขนาดนั้นก็ยังเมื่อยมาก และสับสนหลงทิศไปหมด หาทางไปบางห้องไม่เจอ






รูปภาพภายใน






ภาพ Lady in Black 1876 ของ Auguste Renoir






ภาพ Lady in the Garden 1867 ของ Claude Monet






ภาพ The Dancer 1910 ของ Henri Matisse






บรรยากาศภายในเฮอร์มิเทจ














รูปไฮไลท์อีกรูป






เครื่องกระเบื้องลายสวย






นาฬิกานกยูง นกฮูก และ ไก่





ลวดลายของพื้นห้องที่เก็บนาฬิกานกยูง

The Hermitage

Russia Trip เที่ยวรัสเซีย ไปได้ง่าย ๆ ตอนที่3 Spaceship at Gorky Park + Art Museum

Russia Trip เที่ยวรัสเซีย ไปได้ง่าย ๆ ตอนที่3 Spaceship at Gorky Park + Art Museum





I follow the Moskva
Down to Gorky Park
Listening to the wind of change
An August summer night
Soldiers passing by
Listening to the wind of change


เสียงเพลง wind of change ดังแว่วเข้ามาในหู เมื่อเช้านี้เราวางแผนจะไปเดินในสวนที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดของรัสเซีย Gorky Park

เพิ่งพ้นจากหน้าหนาวมาได้ไม่นานแบบนี้ ต้นไม้ในสวนยังไม่แตกใบเลย ไม่มีอะไรที่น่าดูในสวน แต่ทำไมเราจึงยังอยากไปที่นี่






ออกเดินทางจากที่พัก ลงรถไฟใต้ดินสายสีส้ม สายที่6 มาขึ้นที่สถานี Oktyabrskaya (Октябрьская)ออกมาจากสถานีแล้วเดินมาทางด้านซ้ายมือจะเจอวิวโบสถ์นี้ โบสถ์อยู่ตรงหัวมุมสี่แยก จากสี่แยกมองไปจะเห็นกลุ่มต้นไม้หนาแน่นอยู่กลุ่มหนึ่ง นั่นคือที่หมายของเรา เดินข้ามถนนไปสองครั้งจะไปอยู่จุดทแยงมุมของสี่แยก






เดินไปนิดนึงก็จะเห็นป้ายบอกทางไป Gorky Park หรือ Gor'Kogo Park






เดินตรงตามทางมาเรื่อย ๆ จะเห็นรั้วของสวนอยู่ริมซ้ายมือ เดินไกลพอสมควรกว่าจะถึงประตูเข้า เราเข้าทางประตูแรกที่เปิด ไม่ได้เข้าประตูใหญ่ มองตรงไปอีก จะเห็นสะพานข้ามแม่น้ำมอสโก






เข้ามาแล้วก็เห็นน้ำในสระยังแข็งเป็นน้ำแข็งอยู่เลย






ในสวนเห็นหน่อเล็ก ๆ เริ่มแตกออกมาเป็นดอกให้เห็น ไม่รู้ว่าใช่ทิวลิปหรือเปล่า






เดินเข้าไปลึกมากตรงเข้าไปสู่ด้านริมแม่น้ำแล้วเดินลึกลงไปเรื่อย ๆ จะเห็นส่วนที่เหมือนสวนสนุก เดินลงไปอีกนิดก็จะเห็นสิ่งที่ตั้งใจมาดูที่นี่






นั่นคือยานอวกาศ Buran นั่นเอง






Project Buran เป็นโครงการอวกาศที่บินโดยไม่มีนักบินที่เป็นมนุษย์อยู่บนยาน (unmanned)ที่ใช้เงินมากที่สุดของสหภาพโซเวียต แต่ยังไม่ทันมีผลลัพธ์ที่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปเลย ทางสหภาพโซเวียตก็ขาดแคลนเงินทุนทำให้โครงการนี้ต้องล้มไปในที่สุด






ยานที่อยู่ที่สวนกอร์กี้ปาร์คนี้ เป็นยานรุ่น OK TVA ไม่ได้ขึ้นไปโคจรในอวกาศ แต่เป็นยานทดลองเกี่ยวกับการบรรทุก ความดัน ความร้อนและการสั่นสะเทือน เมื่อโครงการถูกล้มเลิก รัฐบาลรัสเซียได้นำมาดัดแปลงเป็นสวนสนุกให้เด็ก ๆ ได้สัมผัสกับยานอวกาศของจริงที่นี่






เด็กโข่งอย่างเราก็อยากมาดูยานอวกาศของจริงให้เห็นกับตาจึงได้เดินมาไกลถึงที่นี่ ระยะทางจากสถานีรถไฟ ไม่น่าต่ำกว่า 3กิโลเมตร เดินมาถึงตรงนี้เพิ่งจะอยู่ตรงกลางสวน ยังสามารถเดินลึกเข้าไปได้อีก สวนนี้พื้นที่กว้างใหญ่จริง ๆ






ภายในยานจะมี โปรแกรม Space trip ให้สัมผัสบรรยากาศจำลองของการเดินทางในอวกาศให้เด็ก ๆ ได้สนุกกันด้วย เสียดายที่ตอนเราไป ไม่เปิดบริการ ไม่งั้นคงต้องลองเสียค่าตั๋วเข้าชมภายในซะหน่อย






ที่ถูกใจชาวคณะเรามากกว่ายานอวกาศเห็นจะเป็นบรรยากาศริมแม่น้ำมอสโกที่เหมาะแก่การถ่ายรูปยิ่งนัก










หลังจากนั้นเราก็เดินออกทางประตูใหญ่ทางเข้า ออกมาแล้วถึงเห็นว่าปกติต้องเสียเงินค่าเข้าสวนด้วย แต่หน้านี้ยังไม่มีอะไรให้ดูเลยไม่เสียค่าเข้า






หลังจากนี้ไป วันนี้ก็เป็นวันชื่นชมกับศิลปะ เริ่มต้นที่ Pushkin State Museum of Fine Arts

เดินกลับไปที่สถานีรถไฟแล้วเปลี่ยนชานชลาไปขึ้นสายรอบเมืองสีน้ำตาลไป 1สถานี ไปลงที่สถานี Park Kultup (Парк культуры)แล้วเปลี่ยนไปต่อสายสีแดงไป 1สถานี ไปลงที่สถานี Kropotkinskaya (Кропоткинская) ออกจากสถานีแล้วเดินขึ้นไปทางขวาสักพัก ข้ามถนนไปก็จะเจอ Pushkin State Museum of Fine Arts

ที่นี่แบ่งเป็นหลายพิพิธภัณฑ์ ตามความสนใจของผู้ชม เราเลือกเข้าอาคารหลัก ข้างในมีป้ายห้ามถ่ายรูป เราก็เลยฝากกล้องไว้ แต่พอเดินเข้าไปจริง ๆ แล้วมีคนเอากล้องเข้าไปถ่ายรูปกันเยอะมาก เลยไม่แน่ใจว่าเรามองข้ามป้ายให้จ่ายเงินแล้วถ่ายรูปได้ไปรึเปล่า หรือว่าค่าตั๋วรวมค่าถ่ายรูปไว้แล้ว สุดแสนเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปข้างในนี้เลย

ข้างในกว้างมาก เดินกันเมื่อยเลย มีหลายชั้น มีห้องรูปปั้น ที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ แต่เสียดายที่ไม่ใช่ของจริง ก้เลยเดินผ่าน ๆ กับพวกรูปภาพของศิลปินต่าง ๆ ห้องอียิปต์ อิหร่านโบราณ ชอบรูปปั้นสฟิงค์อิหร่านมาก ที่ตัวเป็นสิงโต หัวเป็นคนเครายาว ยืนเฝ้าสองข้างประตู เสียดายที่ไม่มีโอกาสถ่ายรูปมา





เสร็จแล้วก็เดินกลับมาที่สถานี แวะหาข้าวกลางวันกิน ก็มาซื้อแพนเค้กร้านเดิมกิน ก็เลยรู้ว่าเมื่อวันก่อนถูกโกง ตามที่เล่าไปแล้ว ซื้อเสร็จก็เอาไปนั่งกินที่โบสถ์ The Cathedral of Christ the Saviour





ยอดโดม






ที่หมายต่อไปก็คือพิพิธภัณฑ์ The State Tretyakov gallery ที่เมื่อวานนี้มาแล้วไม่ได้เข้า โดยลงรถไฟสายสีแดงไปขึ้นที่สถานี Okhotnyy Ryad (Охотный ряд)แล้วเปลี่ยนเป็นสายสีเขียว มาลงที่สถานี Novokuznetskaya (Новокузнецкая) แล้วเปลี่ยนมาออกทางทางออกสถานี Tretyakovskaya (Третьяковская)เดินข้ามถนนหน้าสถานี แล้วเดินเข้าซอยตรงไปเรื่อยๆ จะเดินผ่านงานศิลปะกลางแจ้ง






ป้ายบอกเวลาเปิด ปิด พิพิธภัณฑ์






รูปปั้นผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ ภายในพิพิธภัณฑ์ The State Tretyakov gallery มีผลงานของศิลปินชาวรัสเซียมากมาย โดยเฉพาะภาพเขียน สวย ๆ ทั้งนั้น ถ้าเทียบกับ Pushkin ขอบอกว่าประทับใจที่นี่มากกว่า ข้างในพิพิธภัณฑ์ห้ามถ่ายรูป






เดินดูรูปอยู่นานมาก พอออกมาก็มาหาของกินมื้อเย็นที่แถวสถานีรถไฟ เลือกร้านตราไก่ ที่ขายอาหารรัสเซีย เข้าไปในร้าน มีสองชั้น ชั้นล่างขายอาหารแนวฟาสฟู้ด แต่เราขึ้นไปชั้นสอง เป็นร้านอาหารแบบภัตตาคาร มีพนักงานที่รับออเดอร์เป็นภาษาอังกฤษได้ สั่งอาหารพื้นเมืองมาหลายอย่าง น้ำผลไม้ป่า Morc กินกัน 4คนอิ่ม มื้อนี้แค่ 1100รูเบิ้ลเท่านั้น

ต่อไปก็เป็นวลาไปดูโอเปร่า เรื่อง Boris Godunovที่โรงละครบอลชอยใหม่ ที่อยู่ด้านหลังสถานี Okhotnyy Ryad (Охотный ряд) เวลาเริ่มแสดง 19:00





เริ่มต้น ฉากแรกจะอลังการที่สุด ตัวละครเกือบทุกตัวจะมาปรากฏตัวที่ฉากแรกนี้ พอเปลี่ยนไปฉากสองก็จะมีแต่ตัวเอกมาพร่ำเพ้อรำพันถึงความทุกข์ยากลำบากต่าง ๆ นา ๆ ด้วยเวลาที่จำกัดแค่ 45นาที จากเวลาที่แสดงทั้งหมด 4ชั่วโมงครึ่ง เราก็ได้ดูแค่นี้เอง ก็ต้องรีบออกจากโรงละครเพื่อมาจับรถไฟไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยเราต้องกลับไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรมที่พักก่อนด้วย

เวลาขายตั๋ว รับตั๋ว





จากที่พักเราลากกระเป๋าลงรถไฟใต้ดินไปขึ้นที่สถานี Komsomolskaya (Комсомольская)ไปสถานีรถไฟ Leningradsky vokzal (Ленингра́дский вокза́л) เช็คชานชลาจากป้ายแล้วเดินไปขึ้นรถไฟที่ชานชลา พวกเราต้องขึ้นรถไฟตู้ที่11 เดินไกลมากเพราะตู้ที่1 อยู่ใกล้สถานี แสดงตั๋วรถไฟและพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ดูก่อนขึ้นรถไฟ
รถไฟตู้นอนกั้นห้องแบ่งเป็นสัดส่วน ห้องละ 4คน แต่กระเป๋าใบใหญ่สามารถวางใต้ที่นั่งได้แค่ 2ใบเท่านั้น กระเป๋าอีก2ใบที่เหลือต้องวางตรงกลางระหว่างที่นั่ง เราจองแบบมีอาหารด้วย มีน้ำให้4ขวด แต่เป็นแบบมีก๊าซซะ 3ขวด พอรถไฟออกไปสักพักเจ้าหน้าที่ก็เอาอาหารมาให้ 4กล่อง เป็นลูกเดือย ก็อร่อยใช้ได้ ตอนที่จะนอนพวกเราก็รอว่าจะมีพนักงานมาทำเตียงให้เหมือนรฟท.หรือเปล่า แต่พอเดินไปเข้าห้องน้ำก็เห็นห้องอื่นเขาเอาเตียงลงกันหมดแล้ว ก็เลยมาคลำทำเอง มีสลักล็อกไว้แค่ตัวเดียว ปลดล็อกแล้วก็เอาเตียงลงได้เลย เบา ๆ ไม่หนักเหมือนกับรฟท. ทำเองได้ไม่ยากครับทั้งเตียงบนเตียงล่าง